Zero Trust ระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ที่ทุกองค์กรต้องรู้
Zero Trust คืออะไร?
Zero Trust คือ รูปแบบการรักษาความปลอดภัยที่มีหลักการว่า ระบบจะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่พยายามจะเข้าถึงเครือข่ายไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกอาจเป็นภัยคุกคามได้ทั้งหมด ฉะนั้นการเข้าถึงจะต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบก่อนที่จะได้รับอนุญาติ เพื่อให้แนวทางการรักษาความปลอดภัยมีการรัดกุมที่ดีและมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น
กลไกการทำงานของ Zero Trust
หลักการทำงานของ Zero Trust จะทำการตรวจสอบอุปกรณ์และผู้ใช้งานเป็นหลัก และขั้นตอนการทำงานของ Zero Trust มีดังนี้
1. การยืนยันตัวตน (Identity Verification) : ขั้นตอนแรกของ Zero Trust คือการยืนยันตัวตนที่ต้อง ต้องตรวจสอบตัวตนผู้ใช้งานและอุปกรณ์ทุกครั้งที่เข้าถึงระบบ โดยทั่วไปจะเป็นการยืนยันตัวแบบ MFA หรือ SSO
2. ควบคุมการเข้าถึง (Network Access Controls) : มีการจำกัดอุปกรณ์หรือผู้ใช้งานให้เข้าถึงข้อมูลตามสิทธิ์การเข้าถึง เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาติ
3. การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) : เพื่อป้องกันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต้องการรับการเข้ารหัสเสมอ ซึ่งจะช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลได้เป็นอย่างดี
4. การตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง (Monitoring & Logging) : มีการบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้และตรวจสอบพฤติกรรมตลอดเวลาเพื่อหาความผิดปกติ
5. การแบ่งขอบเขตความปลอดภัย (Microsegmentation) : แบ่งสิทธิ์การเข้าถึงสำหรับส่วนต่างๆ ของระบบเครือข่าย เพื่อจำกัดการเข้าถึงงข้อมูลข้ามระบบ
เหตุผลที่ควรใช้ Zero Trust
1. เพิ่มความปลอดภัยระดับสูงสุด : ไม่เชื่อถือใครโดยอัตโนมัติ ช่วยลดความเสี่ยงจากทั้ง ภัยคุกคามภายนอก และ ภายในองค์กร
2. ลดผลกระทบจากการเจาะระบบ : หากระบบถูกเจาะเข้ามา Zero Trust จะช่วยจำกัดวงความเสียหาย เพราะผู้โจมตีจะไม่สามารถเข้าถึงระบบอื่นได้ง่าย
3. เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารระบบ : การจัดการสิทธิ์เข้าถึง การกำหนดนโยบาย และการควบคุมความปลอดภัยสามารถจัดการได้ง่าย
4. รองรับการทำงานแบบ Hybrid / Remote Work : ตรวจสอบผู้ใช้งานทุกครั้ง แม้ทำงานจากที่บ้านหรืออุปกรณ์ส่วนตัว จึงเหมาะกับยุคที่ไม่ได้ทำงานแค่ในออฟฟิศ
5. ช่วยให้องค์กรสอดคล้องกับกฎระเบียบ : ต้องการการป้องข้อมูลที่รัดกุมและตรวจสอบได้เช่น ISO, GDPR, CSA
เปรียบเทียบระบบรักษาความปลอดภัยแบบเก่า กับ Zero Trust

การใช้ Zero Trust ถือเป็น ระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคที่ข้อมูลและระบบไอทีอยู่บนคลาวด์ การทำงานแบบ Remote และการโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น แนวคิดนี้จึงเข้ามาแทนระบบเดิมที่ไว้วางใจอุปกรณ์ภายในเครือข่าย ซึ่งไม่เพียงพออีกต่อไป
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้และกำลังมองหาโซลูชันคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง เราคือผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกในประเทศไทย ที่ให้บริการ Cloud Solution ให้กับองค์กรเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านไอทีให้ดียิ่งขึ้น หากสนใจระบบคลาวด์สามารถ ติดต่อเรา NIPA Cloud ได้ที่นี่
We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.