Generative AI คืออะไร? สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนใช้งานจริง
Generative AI คืออะไร?
Generative AI (Generative Artificial Intelligence) คือแขนงหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสรรค์สร้างข้อมูลใหม่ ๆ อัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ โค้ด และอื่น ๆ จากข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาในระบบโดยอาศัยการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ในการ generate ข้อมูล
Generative AI ทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของ Generative AI มีหลักๆ 4 ขั้นตอนดังนี้
1. เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล : Generative AI จะถูกฝึกโดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เช่น ข้อความ รูปภาพ โค้ด และมักจะดูตัวอย่าง และเรียนรู้รูปแบบของข้อมูล
2. เข้าใจรูปแบบ : ใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) เพื่อวิเคราะห์รูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลที่เคยเห็นหรือเรียนรู้มา รวมถึงใช้เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของข้อมูล
3. การคาดเดาสิ่งถัดไป : เมื่อเราป้อน “คำเริ่มต้น” หรือ “คำสั่ง” ให้ AI มักจะใช้สิ่งที่เรียนรู้มาคาดเดาสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไป
4. การสรรค์สร้างผลงานใหม่ : AI จะสร้างเนื้อหาใหม่ขึ้นมาจากศูนย์ โดยอิงจากสิ่งที่มันเรียนรู้ นอกจากนั้น AI สามารถประมวลผลและสร้างผลงานที่มีความสร้างสรรค์และหลากหลาย
ความแตกต่างระหว่าง Generative AI และ AI
AI คือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เหมือนมนุษย์ เช่น การคิด วิเคราะห์ การตัดสินใจ โดยตัวอย่างของ AI ที่พบในชีวิตประจำวันเช่น ระบบสแกนใบหน้า ระแบบแนะนำเพลง/หนัง ระบบนำทาง GPS รถยนต์อัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกมากมาย ในขณะที่ Generative AI เป็นหนึ่งในประเภทของ AI แต่มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นกว่านั้น นั่นคือ การสร้างเนื้อหาใหม่ขึ้นมาได้ โดยที่มันเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล แล้วใช้ความรู้ที่ได้มาประดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมา โดยไม่ได้คัดลอกข้อมูลเดิมตรง ๆ Generative AI จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

เครื่องมือ Generative AI ยอดนิยมสำหรับมือใหม่
เครื่องมือ Generative AI แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เลือกใช้ง่ายตามเป้าหมายที่คุณต้องการ
1. สร้างข้อความ / บทความ / สนทนา - ChatGPT, Gemini, Perplexity, Claude 2. สร้างภาพจากข้อความ - DALL-E, Midjourney, Canva AI 3. สร้างเพลง / เสียง - Soundraw, Voicemod / Elevenlabs 4. เขียนโค้ด / โปรแกรม - Github Copilot, Codeium, ChatGPT 5. สร้างวิดีโอ - Pika Labs, Runaway ML
แนวโน้มของ Generative AI ในอนาคต
1. การพัฒนาของโมเดลอย่างต่อเนื่อง - โมเดลจะมีความแม่นยำมากขึ้น เข้าใจบริบทได้ดีขึ้น และสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงขึ้น ทำให้คนทั่วไปจะใช้ Generative AI ช่วยเขียน, คิดไอเดีย, ตอบแชท, สร้างภาพ ฯลฯ เป็นเรื่องปกติ
2. เครื่องมือที่เฉพาะเจาะจงตามอุตสาหกรรม - จะเกิดการเปลี่ยนแปลงวงการทำงานหลายอาชีพ เนื่องจากจะมีการพัฒนา AI ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะมาทดแทนหลายอาชีพ
3. ธุรกิจทุกระดับนำ AI มาใช้ - องค์กรใหญ่จะเริ่มสร้างโมเดลเฉพาะสำหรับธุรกิจตัวเอง ส่วนบริษัท SMEs จะใช้ AI ในลดต้นทุนและทรัพยากรขององค์กร
4. ความปลอดภัยและจริยธรรมที่มากขึ้น - จะมีความพยายามเพิ่มขึ้นในการทำให้การทำงานของ AI โปร่งใส และการแก้ไขปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว
5. การผสมผสานโมเดลหลากหลาย - โมเดลจะเข้าใจและทำงานข้อมูลหลากหลายแบบพร้อมกันเช่น ภาพ เสียง วิดีโอ โค้ด เรียกว่า Multimodal AI
Generative AI เป็นหนึ่งในวิวัฒนาการของ AI ที่น่าสนใจที่สุดในยุคนี้ เพราะมันไม่ได้แค่ช่วยวิเคราะห์หรือทำงานซ้ำ ๆ เท่านั้น แต่มันสามารถช่วย “คิดแทน” และ “สร้างแทน” ในบางระดับได้เลย ถึงแม้ Generative AI จะยังมีข้อจำกัด แต่ด้วยความสามารถที่หลากหลาย มันได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในหลายวงการเช่น เทคโนโลยี การศึกษา การแพทย์ การออกแบบ และการสื่อสารในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.