เจาะพฤติกรรมคนไทย ใช้เวลาเล่นเกมในมือถือมากที่สุดในเอเชีย
พฤติกรรมการใช้มือถือของคนเอเชียที่เปลี่ยนแปลงไป
ในเอเชียผู้คนหันมาใช้ชีวิตในโลกออนไลน์กันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโทรศัพท์มือถือที่แทบจะอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา ผู้คนส่วนมากใช้เวลามากขึ้นในการเล่นโซเชียลมีเดีย การลงทุนออนไลน์ เกมออนไลน์ ตลอดจนการฟังพอดแคสต์ในช่วงการเดินทางหรือกิจกรรมต่าง ๆ
Telenor Asia สำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมือถือกว่า 8,000 รายใน 8 ประเทศจากภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในการใช้เวลายามว่าง
จากการสำรวจพบว่า สังคมออนไลน์ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนแน่นแฟ้นขึ้น และเลือกใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากกว่า 66% ทำให้รู้สึกดีที่ได้เชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวถึง 55% ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ทางออนไลน์ 47% และ 3 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่างคิดว่าตัวเองจะใช้เวลาในสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้นอีกใน 2 ปี
คนไทยใช้เวลาเล่นเกมในมือถือมากที่สุดในเอเชีย
ประเทศไทยติด 1 ใน 3 ประเทศที่เล่นเกมในมือถือทุกวัน โดยใช้เวลามากที่สุด คิดเป็น 44% ของทั้งหมด ส่วนประเทศที่ใช้เวลาน้อยที่สุดคือ ประเทศสิงคโปร์ อยู่ที่ 24% โดยคาดว่าผู้คนคาดหวังที่จะใช้เวลาเล่นเกมออนไลน์ในอีก 2 ปีข้างหน้า เรียงจากการใช้เล่นเกมมือถือของแต่ละประเทศจากเวลามากไปน้อย ดังนี้ ไทย 62% เวียดนาม 54% ฟิลิปปินส์ 46% อินโดนีเซีย 44% บังกลาเทศ 43% มาเลเซีย 42% ปากีสถาน 39% และสิงคโปร์ 32%
แต่สิ่งที่สำคัญ คือ การที่โทรศัพท์มือถือเข้ามาเปลี่ยนเวลาว่างให้กลายเป็นโอกาสพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น โดย 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้เวลาฟังพอดแคสต์อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงทุกวัน และโทรศัพท์มือถือยังช่วยพัฒนาตัวเองให้เข้าถึงการเรียนรู้จากแอปการศึกษา โดย gen Z ใช้เวลามากที่สุด 51% มิลเลนเนียล 42% gen X 34% และเบบี้บูมเมอร์ 25%
โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการดำเนินชีวิตของเรา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเอง โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เรามีชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่เทคโนโลยี 5G ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ IoT Platform โดยสิ่งนี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ IoT มีการพัฒนาตัวเองไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านของการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุนในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านขนส่ง โลจิสติกส์ และด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ
จากพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม คือ edge cloud computing เนื่องจากหลายธุรกิจต้องการการประมวลผลที่เข้าใกล้แหล่งข้อมูลมากขึ้น ตลอดจนการเข้ามาของเทคโนโลยี 5G ในอนาคตอันใกล้ ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนอันสำคัญของการสื่อสารในแง่ของความเร็วและความสะดวกสบาย อีกทั้งยังส่งผลต่อเทคโนโลยีอื่นเป็นทอด ๆ เช่น IoT, Machine Leaning, AI Learning เป็นต้น
NIPA Cloud องค์กรผู้ให้บริการคลาวด์สัญชาติไทย จึงเปิดให้องค์กรธุรกิจทั้งหลายได้ใช้บริการ IoT Platform แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นระยะเวลา 2 ปี มุ่งเน้นให้องค์กรธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง นําเทคโนโลยี edge cloud computing มาใช้ในอุตสาหกรรม IoT มากขึ้น ประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาธุรกิจขององค์กรได้อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็น smart environment ที่จะนำไปสู่การเป็น smart workplace, smartbusiness, smart factory, smart logistics และอื่น ๆ อีกมากมายในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก Telenor Asia