ไขกุญแจสู่การปฏิวัติอำนาจทางดิจิทัลของไทย ด้วย Sovereign Cloud และ Sovereign AI | NIPA Cloud
Table of Contents
- รู้จัก Sovereign Cloud ในยุคดิจิทัล
- ข้อควรรู้ในเรื่องของ Sovereign Cloud หากตั้งระบบคลาวด์ในประเทศ
- Sovereign Cloud และ Sovereign AI สัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมต้องใช้ร่วมกัน
- ข้อดีของการใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI ร่วมกัน
- ข้อจำกัดของการใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI
- ธุรกิจที่ควรใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI ในการทำงาน
- Case Study ในเรื่องของ Sovereign Cloud และ Sovereign AI
เมื่อการเปลี่ยนผ่านโลกได้ก้าวสู่เจเนอเรชันใหม่ เทคโนโลยีเข้ามาพลิกโฉมเกิดเป็นโลกดิจิทัล และประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ไม่ใช่เพียงแค่ด้านเทคโนโลยี เพราะในยุคนี้การจะได้มาซึ่งความล้ำสมัย จะต้องมี ‘คลังข้อมูล’ อยู่ในมืออย่างมหาศาลเพื่อที่จะยกระดับความก้าวหน้าของประเทศด้วยเช่นกัน
ดังนั้นการรักษาอธิปไตยทางดิจิทัลที่ ‘ข้อมูล’ เป็นปัจจัยหลักในการดำเนินธุรกิจ เรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญพอ ๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีทางข้อมูล หลายประเทศจึงมีการควบคุมและจัดการข้อมูลภายในประเทศให้มีความปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด แนวคิดเรื่อง ‘Sovereign Cloud’ และ ‘Sovereign AI’ จะเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางดิจิทัลและอำนาจอธิปไตยทางข้อมูลของประเทศ ที่จะช่วยวางโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดการข้อมูลทางเทคโนโลยีขึ้นมา
NIPA Cloud จะพาคุณไปไขกุญแจปฏิวัติอำนาจทางดิจิทัลของไทย ด้วย Sovereign Cloud และ Sovereign AI กัน
รู้จัก Sovereign Cloud ในยุคดิจิทัล
Sovereign Cloud คือการให้บริการระบบคลาวด์ที่ถูกพัฒนาและควบคุมโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยเน้นการจัดเก็บและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลตามกฎระเบียบของประเทศนั้น ๆ นอกจากนี้ Sovereign Cloud ยังมีความสำคัญในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเก็บในระบบคลาวด์ โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายของประเทศ
ข้อควรรู้ในเรื่องของ Sovereign Cloud หากตั้งระบบคลาวด์ในประเทศ
การมี Sovereign AI ในประเทศตนเอง และอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศนั้น ๆ ด้วยแล้วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการรักษาความปลอดภัยป้องกันข้อมูลส่วนตัวไม่ให้รั่วไหลออกไปด้วย
ช่วยสื่อสารอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมในประเทศสู่ระดับสากลได้ง่ายขึ้น เพราะการมี Sovereign AI ที่มาจากข้อมูลภายในประเทศจะง่ายต่อการนำข้อมูลมาประมวลผลและสร้างเป็นอักตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ได้ดีมากกว่าว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจและนำมาต่อยอดเพื่อสร้างโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้
Sovereign AI มีความสามารถในการเรียนรู้และประมวลผลขั้นสูง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยโมเดลการเรียนรู้แบบเฉพาะเจาะจง
Sovereign Cloud เป็นการให้บริการระบบคลาวด์ โดยมีการจัดการและควบคุมข้อมูลส่วนตัวภายใต้กฎหมายและนโยบายในประเทศ
Sovereign AI เป็นการประมวลผลข้อมูลจากระบบคลาวด์โดยนำข้อมูลบนระบบมาวิเคราะห์ เพื่อหาโซลูชันของเรื่องนั้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Sovereign Cloud และ Sovereign AI สัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมต้องใช้ร่วมกัน
Sovereign Cloud และ Sovereign AI ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญทางเทคโนโลยี และยังมีความเกี่ยวเนื่องกันในการจัดการข้อมูล เนื่องจาก AI ต้องการประมวลผลข้อมูลบนระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล และ Sovereign Cloud ถือเป็นโครงสร้างของระบบคลาวด์ในการสนับสนุนการทำงานของ AI ขณะเดียวกัน Sovereign AI ก็ถือเป็นเทคโนโลยีที่จะประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยการจัดการข้อมูลจาก Sovereign Cloud อย่างเป็นระบบด้วยเช่นกัน
Sovereign Cloud ช่วยควบคุมและจัดการข้อมูล พร้อมเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวจากการใช้งาน Sovereign AI
Sovereign AI ช่วยประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลบนระบบคลาวด์ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI ร่วมกัน
ยกระดับประสิทธิภาพการเข้าถึงมูลของ Data Sovereignty การมีระบบคลาวด์เป็นของตัวเอง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการและควบคุมข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยภาครัฐและเอกชนสมารถเป็นเจ้าของข้อมูลโดยสมบูรณ์ได้ ทั้งยังเป็นการลดการพึ่งพาระบบคลาวด์ต่างชาติที่อาจเกิดการแทรกแซงข้อมูลบนระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
เพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หากมีการใช้งาน Sovereign Cloud และ Sovereign AI ร่วมกัน จะช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และยังเป็นการลดโอกาสการถูกโจมตีทางไซเบอร์
ระบบคลาวด์ในประเทศจะช่วยจัดเก็บและควบคุมข้อมูล ซึ่งหากต้องการได้ข้อมูลที่มีการประมวลผลออกมาจากมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมี Sovereign AI ร่วมด้วย เพราะว่าการทำงานของ AI จะมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ โดยทั้งหมดจะมีกระบวนการทำงานอยู่ภายใต้กฎหมายในประเทศ
ข้อจำกัดของการใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI
องค์กรต้องมีการลงทุนที่ค่อนข้างสูง เนื่องจาก Sovereign Cloud และ Sovereign AI จำเป็นต้องมีการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าจะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อให้ได้ระบบคลาวด์ที่ล้ำสมัย
ต่างประเทศถือว่ามีบริษัทที่ให้บริการคลาวด์เป็นจำนวนมาก และมีการขยับขยายธุรกิจในหลาย ๆ ประเทศที่ไม่ใช่แค่ประเทศของตนเองเท่านั้น ทำให้ภายในประเทศมีการแข่งขันสูงทั้งคลาวด์ของคนในประเทศและต่างชาติ ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ต้องรักษามาตรฐานและประสิทธิภาพของคลาวด์และ AI ที่จะยังคงแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้
ในการขอความร่วมมือการใช้ระบบคลาวด์ในประเทศระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะบางองค์กรอาจจะยังไม่เห็นถึงความจำเป็นในการใช้คลาวด์
ธุรกิจที่ควรใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI ในการทำงาน
ธุรกิจใดที่ต้องใช้ข้อมูลอันมหาศาลในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ ก็นับว่าธุรกิจนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ Sovereign Cloud และ Sovereign AI ในการจัดการและควบคุมข้อมูลบนคลาวด์ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น ธุรกิจด้านการเงิน, อสังหาริมทรัพย์, หน่วยงานภาครัฐ, ด้านการแพทย์ เป็นต้น เพราะการนำ Sovereign Cloud และ Sovereign AI จะช่วยจัดการข้อมูลบนระบบคลาวด์ และยังสามารถปกป้องข้อมูลสำคัญต่อทางธุรกิจไม่ให้รั่วไหลไปอยู่กับคู่แข่งได้อีกด้วย
Case Study ในเรื่องของ Sovereign Cloud และ Sovereign AI
โครงการ GAIA-X สหภาพยุโรป (EU) มีการพัฒนาและใช้งาน Sovereign Cloud ในโปรเจค GAIA-X ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสและเยอรมนี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบพื้นฐานของคลาวด์ที่สอดคล้องกับกฎหมายยุโรป เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในระบบคลาวด์ของบริษัทต่างชาติ โดยเน้นการสร้างระบบคลาวด์ที่โปร่งใส ปลอดภัยสูง และสามารถควบคุมได้ภายใต้กฎหมายและนโยบายของยุโรป
โครงการ Health Data Hub โครงการของประเทศฝรั่งเศสที่มีการนำร่องในการใช้ Sovereign Cloud เพื่อจัดเก็บข้อมูลสุขภาพของคนฝรั่งเศสในระบบคลาวด์ที่ได้รับการควบคุมและดูแลโดยรัฐบาลฝรั่งเศส เพื่อให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ
ประเทศอินเดีย รัฐบาลอินเดียได้มีการประกาศสร้างโครงการด้าน Sovereign AI ในการสร้างระบบคลาวด์เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาบุคลากรภายในประเทศ โดยมีงบประมาณในการสนับสนุนให้กับนักพัฒนาเทคโนโลยี และ AI นอกจากนี้ยังมีการสร้างสถานบันอบรมด้าน AI โดยเฉพาะ เพื่อนำมาใช้กับกลุ่มธุรกิจในประเทศอินเดีย เช่น เกษตรกรรม, ด้านการแพทย์ และการศึกษา อีกด้วย
ประเทศญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นมีการลงทุนกับ Sovereign AI โดยมีการร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อยกระดับทักษะคน และสนับสนุนการพัฒนาโมเดลภาษาญี่ปุ่น รวมไปถึงการนำ AI มาใช้เพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์มีการส่งเสริมในเรื่องของ Sovereign AI โดยมีการร่วมมือกับ NVIDIA เพื่ออัปเกรดศูนย์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NSCC นอกจากนี้ Singtel ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร มีการสร้างโรงงาน AI ที่ประหยัดพลังงานทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ในระยะยาว Sovereign Cloud และ Sovereign AI จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะมาไขกุญแจสู่การปฏิวัติอำนาจทางดิจิทัลของไทย หากผู้ที่เกี่ยวข้องในประเทศยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และมีการวางแผนแนวทางที่ชัดเจน ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีของผู้ให้บริการคลาวด์ในประเทศไทย ที่จะได้เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยมีโครงสร้างระบบ Sovereign Cloud และ Sovereign AI ที่เป็นของไทยเอง
Reference : VMware, NVDIA, aws.amazon, weforum, cio
We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.