Tech Knowledge

4 สิ่งที่คุณจะพลาด หากยังไม่เปลี่ยนมาใช้ Thai Sovereign Cloud

Published : December 20, 2023Time : 5 min read

เมื่อโลกของเราก้าวเข้าสู่ยุค cloud computing ที่โครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีกำลังจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีคลาวด์ การเลือกบริการคลาวด์ที่มั่นใจและมีประสิทธิภาพสูงจึงควรเป็นปัจจัยหลัก ๆ ในการใช้งานขององค์กร อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีผู้ให้บริการคลาวด์มากมายในท้องตลาดที่พยายามแข่งขันกันเพื่อให้บริการลูกค้าได้ตอบโจทย์มากที่สุด ทั้ง hyperscaler และ local cloud provider จึงเป็นหน้าที่ขององค์กรเองที่จะต้องพิจารณาเลือกให้ถี่ถ้วนและหลากหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นเทรนด์ในการจัดการข้อมูลในขณะนี้

NIPA Cloud เล็งเห็นถึงปัญหา ความสำคัญ และแนวโน้มดังกล่าว เราจึงชี้ชวนให้องค์กรธุรกิจทุกรายมีความตระหนักรู้ถึงการเลือกใช้คลาวด์อย่างเหมาะสม ผ่านการชี้ให้เห็น “ความน่ากลัว” ของการใช้คลาวด์ที่อาจจะยังปลอดภัยไม่เพียงพอ ทั้งคลาวด์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศ เป็นเจ้าของโดยต่างชาติ รวมถึงคลาวด์ในไทยที่ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับภายในประเทศก็อาจจะยังไม่ปลอดภัยเช่นกัน โดยคลาวด์ที่ปลอดภัยในคำนิยามของเราก็คือ Sovereign Cloud

แต่ก่อนที่จะไปพบกับความน่ากลัว เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า sovereign cloud คืออะไร และมีพลวัตทางไอทียังไง

Sovereign cloud คืออะไร?

Sovereign cloud มาจากคำสองคำ ได้แก่ ‘sovereign’ (adj.) หมายถึง (ประเทศหรือรัฐ) ที่มีอิสระในการปกครองตนเอง; เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ และ ‘cloud’ (n.) หมายถึง เครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ (= คอมพิวเตอร์ที่ควบคุมหรือจัดหาข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น) ซึ่งสามารถจัดเก็บหรือจัดการข้อมูลและซอฟต์แวร์ได้ และที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงผ่านทางอินเทอร์เน็ต เมื่อรวมคำทั้งสองแล้ว ก็จะมีความหมายคล้ายกับที่ Archimag นิตยสารไอทีชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศส ได้นิยามไว้ว่า

“Sovereign Cloud ถูกสร้างขึ้นเมื่อบริษัทที่ให้บริการคลาวด์และบริษัทที่ต้องการโฮสต์ข้อมูลนั้นตั้งอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน โซลูชัน เช่น โฮสติ้ง การจัดการ หรือโครงสร้างพื้นฐาน ดำเนินการเฉพาะในประเทศหรือเขตแดนที่ระบุเท่านั้น บริการคลาวด์นี้เป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายปัจจุบันเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลและความปลอดภัย”

กล่าวคือ sovereign cloud หมายถึง คลาวด์ที่ออกแบบและให้บริการภายในประเทศหรือเขตแดนนั้น ๆ โดยจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับของพื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด นั่นหมายความว่า หากเป็นผู้ให้บริการภายในประเทศ หรือ local cloud provider ก็จะเท่ากับว่าข้อมูลบนคลาวด์จะไม่รั่วไหลออกไปนอกประเทศ และไม่ตกอยู่ในการครอบครองของบริษัทต่างชาติอย่างแน่นอน

แล้วอะไรที่ทำให้ sovereign cloud กลายมาเป็นเทรนด์การใช้คลาวด์ในปัจจุบัน มีที่มาที่ไปยังไง วันนี้ NIPA Cloud ก็มีคำตอบเช่นเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางดิจิทัล (digital landscape)

เป็นที่ทราบกันดีว่าโลกกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ยุค cloud computing ที่จะย้ายการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลมายังคลาวด์ ผู้ให้บริการทั่วโลกจึงได้พัฒนาคลาวด์เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้บริการของธุรกิจต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดคลาวด์หรือที่เรียกว่า hyperscaler ได้แก่ Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, Google Cloud Platform, Huawei Cloud, Tencent Cloud, Alibaba Cloud และอื่น ๆ อีกมากมาย และมีผู้เล่นรายย่อยตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่เรียกว่า local cloud provider ให้ผู้ใช้งานได้เลือกสรรตามความเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อมูลถูกโอนย้ายมายังคลาวด์มากขึ้น ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (cyberthreat) และการละเมิดข้อมูลก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นกันภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีกรณีที่ข้อมูลในองค์กรใหญ่ ๆ ถูกคุกคามเกิดขึ้นมากมาย องค์กรผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการคลาวด์ และองค์กรภาครัฐต่างก็ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการปรับเปลี่ยนการรับรู้เรื่องการจัดการข้อมูลนับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยแต่ละพื้นที่ได้ออกกฎระเบียบและมาตรการจัดการกับข้อมูลเป็นพื้นที่นั้น ๆ เริ่มจากยุโรปเป็นแห่งแรก แล้วกระจายการรับรู้แนวโน้มดังกล่าวนี้ออกไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และสิ่งนี้เองที่เรียกว่า sovereign cloud

ดังนั้น sovereign cloud ไม่ใช่เพียงแค่เป็นคลาวด์ที่ให้บริการภายในประเทศเพียงเท่านั้น แต่ยังต้องมีคุณสมบัติ 5 ประการตามที่ TechTalk Thai ได้ระบุไว้ ดังต่อไปนี้

  1. มีการติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์ทั้งหมด ที่ครอบคลุมทั้ง compute, storage, network, management และอื่น ๆ ในพื้นที่ของประเทศนั้น ๆ
  2. การประมวลผล การเข้าถึงข้อมูล และการรับ-ส่งข้อมูลภายในระบบคลาวด์ทั้งหมดต้องเกิดภายในประเทศ รวมถึงการบริหารจัดการและการใช้ API ด้วยเช่นกัน
  3. การเข้าถึงทรัพยากรควรจะต้องเกิดขึ้นได้จากประชากรภายในประเทศ
  4. ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล และไม่ถูกข้อกฎหมายของประเทศอื่นเข้ามาแทรกแซง
  5. ทรัพยากรและความสามารถจะต้องแข่งขันกับ hyperscale cloud ได้ เพื่อให้กลายเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหน่วยงานภาครัฐและธุรกิจองค์กรภายในประเทศ

เมื่อได้รู้ที่มาที่ไปและคุณสมบัติของ sovereign cloud แล้ว ก็คงจะได้คอนเซปต์บางประการแล้วว่าการใช้บริการคลาวด์ประเภทนี้สำคัญอย่างยิ่งกับการจัดการข้อมูลในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น องค์กรธุรกิจก็ไม่ควรพลาดเลือกใช้บริการคลาวด์อื่นที่ไม่ใช่ sovereign cloud เด็ดขาด ซึ่ง NIPA Cloud รวบรวมมาให้แล้วว่าคุณจะพลาดอะไรบ้างหากไม่เปลี่ยนมาใช้ sovereign cloud

4 สิ่งที่คุณจะพลาดหากไม่ใช้ sovereign cloud

1. ความปลอดภัย

แน่นอนว่าสิ่งแรกที่คุณจะพลาดเลยก็คือความปลอดภัยของข้อมูล อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้หมายความว่า hyperscale cloud หรือ local cloud อื่นไม่มีความปลอดภัย แต่เรากำลังพูดถึงความปลอดภัยที่มาพร้อมกับกฎระเบียบและข้อบังคับภายในประเทศ เพราะ sovereign cloud นั้นต้องปฏิบัติตามกฎหมายของพื้นที่เขตแดนนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด ในขณะเดียวกันก็ป้องกันการแทรกแซงทางกฎหมายจากประเทศอื่นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (General Data Protection Regulation: GDPR) ในยุโรป ที่มีสาระสำคัญ คือ บริษัทธุรกิจที่จัดเก็บและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองสหภาพยุโรปจะต้องเพิ่มมาตรการปกป้องข้อมูลต่าง ๆ และกำหนดว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ซึ่งมีผลยังคับใช้ปกป้องข้อมูลพลเมืองสหภาพยุโรปไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกนี้ และแม้ว่าบริษัทธุรกิจดังกล่าวจะไม่ได้ตั้งอยู่ในสหภาพยุโรปก็ตาม หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019): PDPA) ในประเทศไทย ที่สร้างมาเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลและนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลของพลเมืองไทย เป็นต้น ผู้ให้บริการคลาวด์ในแต่ละพื้นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของแต่ละแห่งหากต้องการให้คลาวด์ของตนเป็น sovereign cloud อย่างถูกต้อง

กล่าวง่าย ๆ คือ หากคุณใช้บริการคลาวด์ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ในอนาคต คุณอาจพบปัญหาที่จะตามมา เช่น หากเกิดภาวะสงครามระหว่างประเทศคุณกับประเทศผู้ให้บริการคลาวด์ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ประเทศผู้ให้บริการคลาวด์อาจใช้อำนาจแทรกแซงข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจจะนำไปสู่ความเสียเปรียบทางสงครามของประเทศคุณก็เป็นได้ เนื่องจากอำนาจสูงสุดของการดูแลข้อมูลไม่ได้เป็นของคุณเพียงผู้เดียวอีกต่อไป หรือในกรณีภายในประเทศ หากคุณใช้บริการ local cloud ที่ไม่เข้าข่าย sovereign cloud คุณอาจพบปัญหาข้อมูลรั่วไหลโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมทางไซเบอร์ต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นนั่นเอง

2. ความเข้าใจ

Sovereign cloud นั้นเป็นคลาวด์ที่ให้บริการภายในประเทศใดประเทศหนึ่ง ผู้ให้บริการจึงออกแบบและพัฒนาคลาวด์ให้เหมาะกับองค์กรธุรกิจที่ใช้งานภายในประเทศนั้น ๆ มากที่สุด ด้วยประสบการณ์การลองผิดลองถูก (trial and error) การทดสอบความเป็นไปได้ (proof of concept) และการให้บริการคนภายในประเทศมาหลายต่อหลายครั้ง จึงทำให้ผู้ให้บริการ sovereign cloud กลายเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหาและความต้องการของธุรกิจในประเทศ และต้องการเข้าไปอุดรอยรั่วและจับมือพาธุรกิจภายในประเทศก้าวไปยังยุคดิจิทัลได้แบบไร้อุปสรรค

คลาวด์ที่ดีที่สุดไม่ได้แปลว่าจะเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด หากคุณไม่เปลี่ยนมาใช้บริการ sovereign cloud คุณก็จะพลาดคลาวด์ที่ออกแบบมาเพื่อคุณ ซึ่งนั่นอาจนำไปสู่การเดินบนเส้นทางที่ผิด และยากที่จะหันหลังกลับหากธุรกิจเติบโตขึ้นในอนาคต

3. ความคุ้มค่า

เมื่อ sovereign cloud เป็นคลาวด์ที่พัฒนาเพื่อให้บริการภายในประเทศ อัตราค่าบริการก็จะถูกกว่าการใช้บริการคลาวด์จากต่างชาติ และมีค่า latency ต่ำกว่า ขณะที่คลาวด์นอกนั้น ข้อมูลต้องวิ่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศ ทำให้อาจจะต้องเสียค่าแบนด์วิดท์ในราคาที่สูงกว่า และข้อมูลก็จะวิ่งช้ากว่าเนื่องจากมีค่า latency สูง ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่การใช้บริการคลาวด์ในประเทศบางเจ้าก็อาจจะต้องเสียค่า domestic traffic อีกด้วย ดังนั้นแล้ว คุณอาจจะต้องเลือกให้ดีว่าผู้ให้บริการคลาวด์เจ้าไหนที่ให้บริการได้คุ้มค่ามากที่สุด

ความคุ้มค่าถือเป็นปัจจัยหลักที่องค์กรนำมาพิจารณาการใช้คลาวด์ หากคุณไม่ต้องการพลาดความคุ้มค่าด้านราคาที่ถูกกว่า และค่า latency ที่ต่ำกว่า ก็ไม่ควรพลาด sovereign cloud เด็ดขาด

4. ความเสถียร

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น หนึ่งในคุณสมบัติของ sovereign cloud คือประสิทธิภาพการให้บริการคลาวด์นั้นจะต้องทัดเทียม hyperscale cloud หรือคลาวด์ระดับโลกได้ ฉะนั้น ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่นำมาใช้พัฒนาคลาวด์จึงต้องมีคุณภาพและการรับรองระดับโลก นอกจากนี้ยังต้องมีการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว และมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้องค์กรธุรกิจไว้วางใจได้ว่าหากเปลี่ยนมาใช้ sovereign cloud แล้ว จะไม่ต้องหาคลาวด์เจ้าอื่นมาสำรองเผื่อเกิดกรณีที่คลาวด์ล่ม ใช้งานไม่ได้ เกิดภัยพิบัติ ฯลฯ

Sovereign cloud ให้บริการคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพและความเสถียรทัดเทียมกับคลาวด์ระดับโลก หากคุณยังลังเลว่าจะเลือกใช้ดีหรือไม่ คุณอาจพลาดโอกาสนี้ไปอีกหนึ่งอย่างก็เป็นได้

NIPA Cloud - Thai sovereign cloud ที่คุณกำลังมองหา

หากพูดถึง Thai local cloud แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการคลาวด์ในไทยก็คือ NIPA Cloud เราวิจัย ออกแบบ พัฒนา และให้บริการคลาวด์เพื่อองค์กรธุรกิจไทย ด้วยซอฟต์แวร์ open source ที่ชื่อว่า OpenStack ผนวกกับ Tungsten Fabric Networking และฮาร์ดแวร์คุณภาพระดับโลกมากมาย เช่น AMD EPYC™ processor, Juniper Networks และ Gigabyte โดยผู้เชี่ยวชาญชาวไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี จึงมั่นใจด้านประสิทธิภาพการให้บริการของเราได้ และด้วยประสบการณ์การพัฒนาคลาวด์ ทำให้กล่าวได้ว่าเราคือ local cloud provider ที่เข้าใจองค์กรธุรกิจไทยมากที่สุด

ในด้านราคา เมื่อปลายปี 2565 NIPA Cloud ได้เผยแพร่ whitepaper Cloud CPU Benchmark 2022 Report เปรียบเทียบราคาต่อประสิทธิภาพของ hyperscale cloud ได้แก่ Alibaba Cloud, Amazon Web Services, Google Cloud Platform, Microsoft Azure และ Tencent Cloud กับ NIPA Cloud และพบว่า NIPA Cloud ให้บริการประสิทธิภาพต่อราคาสูงที่สุด

ปัจจุบัน NIPA Cloud เปิดให้บริการ Availability Zone ในประเทศไทยถึง 3 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ (BKK-Bang Rak) นนทบุรี (NON) และขอนแก่น (KKN) พร้อมบริการ backup solution ที่จะสำรองข้อมูลของคุณเพื่อป้องกันการสูญหายได้อย่างปลอดภัย

สำหรับความปลอดภัยของข้อมูล NIPA Cloud ให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่ประมวลผลและจัดเก็บบนคลาวด์ของเรา เนื่องจากว่าเราเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ในพื้นที่ประเทศไทย เราจึงปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัดนับตั้งแต่มีการประกาศใช้ และด้วยเหตุผลหลายประการที่กล่าวมาข้างต้น จึงกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า NIPA Cloud คือผู้ให้บริการ sovereign cloud ที่ปลอดภัย เข้าใจคนไทย คุ้มค่า และเสถียรมากที่สุด เราให้บริการคลาวด์ที่ตอบโจทย์องค์กรธุรกิจไทย ใส่ใจดูแลบริการ และมอบคลาวด์ประสิทธิภาพสูงให้กับคุณอย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วที่จะ ‘เปลี่ยน’ มาใช้ sovereign cloud จาก NIPA Cloud เพื่ออนาคตอันสดใสของธุรกิจ และความปลอดภัยสูงสุดของข้อมูลคนไทย

คลาวด์นี้แหละที่เปลี่ยน | เปลี่ยนมาใช้ Thai Sovereign Cloud เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลทางธุรกิจ
AUTHOR
Author
Sorawit Pakdeeasa
Content Writer

a passive(-aggressive) learner and a ramyeon lover.

RELATED ARTICLES