NIPA Cloud ผนึกกำลังกับ KMITL พัฒนาแพลตฟอร์ม IIoT สู่อุตสาหกรรมยุคดิจิทัล | CloudCast Central EP 9
ในยุคที่ภาคอุตสาหกรรมธุรกิจนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในทุกมิติของการทำงาน แม้แต่ภาคการศึกษาโดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษาได้เริ่มมีการนำ Cloud Computing มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับการเรียนการสอน
Case Study ที่น่าสนใจคือสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. (KMITL) ได้มีการนำคลาวด์มาใช้ในการเรียนการสอนนั่นเอง
การยกระดับเทคโนโลยี สู่การใช้งานคลาวด์ในภาคธุรกิจ
เกิดขึ้นจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. (KMITL) มีแผนการพัฒนา Industrial IoT Design Platform หรือ IIoT Design Platform เพื่อช่วยมอนิเตอร์สภาพแวดล้อมในโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมกับนำไปใช้ในการเรียนการสอนในอนาคต ซึ่งการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องใช้การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และการประมวลผลที่ค่อนข้างสูง เลยเป็นที่มาว่าทางโครงการต้องการ “คลาวด์” ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด
NIPA Cloud ร่วมมือกับ KMITL พัฒนาแพลตฟอร์ม IIoT
นอกเหนือจากการพาธุรกิจก้าวสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบแล้ว NIPA Cloud ยังต้องการนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปปรับใช้กับภาคการศึกษาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการปฏิบัติจริงอีกด้วย จึงได้มีการลงนาม MOU ร่วมกับทาง สจล. (KMITL) โดยให้การสนับสนุนใช้คลาวด์ฟรี แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด
เทคโนโลยีคลาวด์ยกระดับการเรียนการสอนไปอีกขั้น
หลังจากที่ทาง KMITL ได้เริ่มใช้คลาวด์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทาง รศ.ดร.พรพิมิล หนึ่งในผู้พัฒนาโปรแกรม IIoT Design Platform กล่าวว่า ระบบคลาวด์มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเรียนการสอน โดยได้นำคลาวด์ของทาง NIPA ไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น การเรียนการสอนของคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี (SIET) และภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ การใช้ในแล็บ IoT การใช้ในงานวิจัยต่าง ๆ รวมไปถึงการจัดแสดงงาน KMITL Innovation Expo 2023
Local Cloud ตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจไทยที่สุด
ที่ผ่านมา มีหลายธุรกิจเลือกใช้คลาวด์จากต่างประเทศก่อน อาจจะด้วยความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดนั่นคือราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้บางธุรกิจก็อาจจะสู้ราคาไม่ไหว ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้คลาวด์ไทยตอบโจทย์ในการทำงาน รวมไปถึงโครงการของทาง KMITL ด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดที่ทำให้ NIPA Cloud มีความแตกต่างจากคลาวด์อื่น ๆ คือ ในด้านการ Technical Support ที่พร้อมแก้ไขปัญหาโดยทีมงานคนไทย เพราะหากเป็นคลาวด์ต่างประเทศ บริการหลังการขายก็จะเป็นทีมงานต่างชาติทั้งหมด ตรงจุดนี้ถือว่าช่วยลดช่องว่างระหว่างกันไปได้
นอกจากนี้ข้อดีการเลือกใช้คลาวด์ไทยนั่นคือ เซิร์ฟเวอร์ทุกอย่างอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ข้อมูลที่จัดเก็บก็อยู่ในประเทศไทยซึ่งเป็นการรันตีได้อย่างหนึ่งว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลออกไปนอกประเทศ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการคลาวด์ได้เป็นอย่างดี เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในการทำ IoT จะมีการใช้คลาวด์หรืออุปกรณ์ IoT จากต่างประเทศและเมื่อข้อมูลทั้งหมดอยู่ต่างประเทศ พอระบบล่ม ข้อมูลที่จัดเก็บทั้งหมดก็ล่มตามโดยอัตโนมัติ
Local Cloud ของ NIPA Cloud จึงเป็นสิ่งที่จะตอบโจทย์ทุกการทำงานของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง Reliability และ Technical Support โดยมีการควบคุมและจัดการข้อมูลให้อยู่ภายใต้กฎหมาย PDPA ภายใต้แนวคิดในเรื่อง Data Sovereignty ที่จะพัฒนาประสิทธิภาพคลาวด์ในประเทศเทียบเท่ากับคลาวด์ระดับโลก
We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.