รู้จัก Edge AI และ Cloud AI ความแตกต่างที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
Edge AI คืออะไร
Edge AI คือการนำกระบวนการทำงานที่นำ AI ไปประมวลผลที่อุปกรณ์ปลายทางโดยตรง แทนที่จะส่งข้อมูลไปประมวลบนคลาวด์เช่น สมาร์ทโฟน หรือ IoT Devices
Edge AI ทำงานโดยใช้ AI บนอุปกรณ์ปลายทางโดยไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์หลักมากนัก ซึ่งช่วยลดความล่าช้าและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลโดยที่ Edge AI ทำงานผ่าน 4 ขั้นตอนดังนี้
1. การเก็บข้อมูล : ทำการเก็บข้อมูลจากอุปกรณ์ Edge เช่นกล้อง, เซ็นเซอร์ IoT หรือสมาร์ทโฟน ต้องถูกประมวลผลก่อนนำไปใช้
2. การประมวลผลข้อมูล : ข้อมูลที่เก็บได้จะถูกส่งไปยังชิปประมวลผล AI ภายในอุปกรณ์ เช่น CPU, TPU หรือ NPU ในสมาร์ทโฟน
3. การตัดสินใจและการทำงาน : AI จะใช้โมเดล Machine Learning และ Deep Learning ในการวิเคราะห์และตัดสินใจ
4. การส่งข้อมูลไปยังระบบอื่น : ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลสามารถส่งไปยัง คลาวด์ หรือ เซิร์ฟเวอร์กลาง เพื่อการวิเคราะห์เชิงลึกหากมีความจำเป็น
จุดเด่นของ Edge AI
- Latency ต่ำ ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากไม่ต้องส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์
- มีความปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากข้อมูลไม่ต้องออกจากอุปกรณ์
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดปริมาณข้อมูลที่ต้องส่งไปยังคลาวด์
- สามารถทำงานแบบออฟไลน์ได้ ไม่ต้องพึ่งพาอินเตอร์เน็ต
Cloud AI คืออะไร
Cloud AI คือการใช้คลาวด์เซิร์ฟเวอร์ในการประมวลผล AI โดยส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ปลายทางไปยังระบบคลาวด์ เช่น AWS, Google Cloud AI, หรือ Microsoft Azure AI โดยต่างจาก Edge AI ที่สามารถทำการประมวลผลภายในตัวอุปกรณ์
การทำงานของ Cloud AI ประกอบไปด้วยหลายองค์ประกอบเพื่อรองรับการทำงานของ AI
1. การเก็บรวบรวมข้อมูล : รวมข้อมูลจากปลายทางแล้วส่งไปยังระบบคลาวด์โดย Cloud จะพึ่งพาพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage) ในการเก็บข้อมูลและรักษาความปลอดภัย
2. การประมวลผลข้อมูล : ข้อมูลที่ถูกส่งมายังคลาวด์จะถูกนำไปวิเคราะห์และประมวลผลโดยการใช้ AI เช่น ใช้โมเดล Machine Learning หรือ Deep Learning
3. ส่งผลลัพธ์กลับไปยังผู้ใช้ : ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล AI จะถูกส่งกลับไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
4. การเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง : ระบบ Cloud AI จะเก็บข้อมูลใหม่เพื่อ ฝึกโมเดลเพิ่มเติม และอัปเดตโมเดลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความแม่นยำมากขึ้น
จุดเด่นของ Cloud AI
- ปรับขนาดของระบบได้อย่างยืดหยุ่นตามที่ต้องการ
- รองรับโมเดลที่ซับซ้อนได้ มีทรัพยากรประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ
- จ่ายตามปริมาณที่ใช้จริง (Pay-as-you-go)
- สามารเข้าได้จากทุก ขอแค่เพียงมีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต
เปรียบเทียน Edge AI กับ Cloud AI

Edge AI หรือ Cloud AI มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับ Use case ผู้ใช้และความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน ซึ่ง Edge AI เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัย เช่น IoT, ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และ Cloud AI เหมาะกับงานที่ต้องใช้ทรัพยากรมากและต้องการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เช่น Big Data, AI Model Training และแอปพลิเคชันที่ใช้ Machine Learning อย่างหนัก
สุดท้ายแล้วแนวโน้มในอนาคต Edge AI และ Cloud AI จะทำงานร่วมกันซึ่งเรียกว่า Hybrid AI โดยที่ใช้ Edge AI ประมวลผลข้อมูลเบื้องต้น แล้วส่งข้อมูลสำคัญไปที่ Cloud AI เพื่อวิเคราะห์เชิงลึก
We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.