รู้จักกับ Cloud Storage คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมในหลายองค์กร
Cloud Storage คืออะไร
Cloud Storage คือ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ ซึ่งเป็นบริการที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลหรือไฟล์ต่าง ๆ ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต การใช้ Cloud Storage นอกจากจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่และทุกอุปกรณ์แล้ว ยังช่วยให้การจัดการข้อมูลมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประเภทของ Cloud Storage
ประเภทของ Cloud Storage ที่ใช้งานในปัจจุบันมีหลักๆ อยู่ 3 ประเภท
1. Public Cloud
Public Cloud เป็นบริการที่ผู้ใช้งานสามารถเช่าเซิร์ฟเวอร์หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสาธารณะ โดยมีผู้ใช้งานคนอื่นๆ เข้าถึงพื้นที่จัดเก็บนี้ร่วมด้วย ซึ่งบัญชีผู้ใช้งานแต่ละบัญชีจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของกันและกันได้
2. Private Cloud
Private Cloud เป็นบริการที่เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัว โดยที่การเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บของแต่ละบัญชีต้องได้อนุญาติจากโฮสต์เท่านั้น เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยสูง
3. Hybrid Cloud
Hybrid Cloud เป็นการผสมผสามระหว่าง Public Cloud และ Private Cloud ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยสูงไว้ที่ Private Cloud และข้อมูลที่ไม่ซับซ้อนหรือไม่สำคัญมากไว้ใน Public Cloud เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
ความสำคัญของ Cloud Storage
Cloud Storage เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์และเข้าถึงได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งการใช้ Cloud Storage ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลเมื่อเปรียบเทียบกับ On-Premise Data Center ที่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและดูแลระบบ นอกจากนั้นบริการ Cloud Storage มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลให้เหมาะสมตามความต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว ร่วมถึงบริการ Cloud Storage มักจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สูง และสามารถสำรองข้อมูลช่วยป้องกันข้อมูลสูญหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Cloud Storage จึงกลายเป็นทางเลือกที่นิยมสำหรับทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กรทุกขนาดในการจัดเก็บและบริหารจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบัน
หลักการทำงานพื้นฐานของ Cloud Storage
เมื่อผู้ใช้ทำการอัปโหลดไฟล์หรือข้อมูลไปยัง Cloud Storage ไฟล์เหล่านี้จะถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ และจัดเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์ที่ปลอดภัย โดยผู้ให้บริการจะมีระบบสำรองข้อมูลและการเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา
Cloud Storage จึงเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์การจัดการข้อมูลในยุคดิจิทัล ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความยุ่งยากในการจัดเก็บและดูแลรักษาข้อมูล
ข้อดีของ Cloud Storage
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มากกว่าทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เมื่อเปรียบเทียบกับศูนย์จัดเก็บข้อมูลภายในองค์กร (On-Premise Data Center) ซึ่งมีต้นทุนสูงและต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังต้องมีการว่าจ้างผู้ดูแลระบบอีกด้วย
2. ความปลอดภัยของข้อมูล
ผู้ให้บริการคลาวด์มักมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการรับรองในระดับสากล และมีการสำรองข้อมูลรวมไปถึงมีมาตรการป้องกันข้อมูลสูญหายอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ความยืดหยุ่นและขยายตามความต้องการ
สามารถปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เหมาะสมตามความต้องการของธุรกิจ
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจใช้ Cloud Storage
การเลือกใช้ Cloud Storage ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริการที่เลือกตรงกับความต้องการขององค์กรหรือผู้ใช้จริงๆ
1. ประเภทและปริมาณของข้อมูลที่จะจัดเก็บ
ควรพิจารณาข้อมูลและปริมาณของข้อมูลที่จะจัดเก็บว่ามากน้อยเพียงใด รวมถึงความปลอดภัยที่ต้องการจะจัดเก็บถ้าต้องการจัดเก็บที่มีความปลอดภัยสูงและจำกัดการเข้าถึงภายในองค์กรควรเลือกใช้ Private Cloud หรือบริการที่สามารถควบคุมได้มากกว่า Public Cloud
2. ค่าใช้จ่ายและแผนการใช้บริการ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาคือค่าใช้จ่ายของผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับงบประมาณขององค์กร บางผู้ให้บริการคิดค่าใช้จ่ายตามพื้นที่จัดเก็บ ขณะที่บางรายคิดตามจำนวนการเข้าถึงข้อมูล
3. ความยืดหยุ่นและการปรับขนาด
เลือกผู้ให้บริการที่มีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดตามความต้องการของธุรกิจ การเลือกใช้บริการที่สามารถเพิ่มหรือลดพื้นที่จัดเก็บได้โดยไม่ซับซ้อนและใช้เวลาน้อย
4. การสำรองข้อมูลและกู้คืน
ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรงพอหรือไม่ รวมถึงต้องมีการบริการสำรองข้อมูลและกู้คืน ในกรณีเกิดเหตุขัดข้องได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ให้บริการ Cloud Storage มีใครบ้าง
1. Amazon Web Services (AWS)
บริการ Cloud Storage จาก AWS ที่มีชื่อเสียงในด้านความเสถียรและความปลอดภัย รองรับการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและการเรียกใช้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
2. Google Cloud
ให้บริการที่มีการเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่
3. Microsoft Azure
บริการ Cloud Storage จาก Microsoft Azure ที่เน้นการจัดเก็บข้อมูลแบบ Object Storage มีความปลอดภัยสูงและการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว
4. NIPA Cloud
เป็นผู้ให้บริการคลาวด์สัญชาติไทยที่นำเสนอการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของธุรกิจ
Cloud Storage ช่วยให้องค์กรและผู้ใช้สามารถจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น ปลอดภัย และยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในยุคดิจิทัลสำหรับการจัดเก็บข้อมูลและการทำงานร่วมกัน
NIPA Cloud พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือองค์กรของคุณในการใช้งานคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจสามารถติดต่อเราได้เลย https://nipa.cloud/th/contact/sales
We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.