Tech Knowledge

ระบบ Cloud Storage คืออะไร ทำไมหลายองค์กรถึงหันมาใช้กัน

Published : December 8, 2021Time : 2 min read

Cloud Storage คือการเก็บข้อมูลบนเครื่อง Server และอยู่ในโลกออนไลน์ที่เราเรียกว่า Cloud ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการเรียกดูและใช้งานข้อมูลบน Cloud ซึ่งอาจจะเก็บข้อมูลไว้ใน server หลาย ๆ ตัว โดยกระจายข้อมูลออกเป็นเครื่องละเล็กละน้อย ผู้ให้บริการคลาวด์ (Host) จะดูแลเป็นคนจัดการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถลดต้นทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่จะตอบรับกับสถานการณ์ยุค Big data ที่มีข้อมูลขนาดใหญ่ นั่นคือ Cloud storage ที่เป็น Software Defined Storage โดยหลักการง่าย ๆ ของ software defined storage คือ การรวมศูนย์ควบคุมให้เป็นจุดเดียวแล้ว Virtualize Storage Layer แบ่งเป็น pools ตามจุดประสงค์การใช้งานที่ต้องการ

​รูปที่ 1 แสดง Infratructure แบบเก่า (ด้านบน) และแบบใหม่ที่ใช้ Software Defined Storage (ด้านล่าง)

ซึ่งจะพบว่าในระบบแบบเดิม แต่ละ ​Application จะมี Storage Tier เป็นของตัวเองและแยกจากกันโดยสมบูรณ์ ทำให้ Cluster ตรงกลางสองอัน มีปริมาณการใช้งานจนเต็มหรือเกือบเต็มแต่ว่า ใน Cluster ด้านข้างทั้งสองอันยังเหลือพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่ Action ที่ทีม Infra ขององค์กรจะต้องทำคือ ต้องขยาย พื้นที่ในส่วนของ Cluster ตรงกลางสองอัน ทั้งที่ยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานในระบบโดยรวมด้วยซ้ำ นอกจาก Cost ที่ต้องซื้อเพิ่มแล้ว ในแง่ของการใช้งานทรัพยากรให้คุ้มค่าก็ล้มเหลวอีก

แต่หากเป็น Software Define Storage ปัญหานี้ก็จะหมดไป เนื่องจากใน Software Define Storage เรารวมศูนย์การควบคุม Storage Tiers ของทุก Application มาไว้ที่จุดเดียวกันแล้ว ทำให้เราสามารถ manage ได้อย่างอิสระว่า Application ตัวไหนเราจะให้พื้นที่เท่าไหร่ QoS แบบไหนและเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบภาพด้านบนขึ้นเราก็สามารถโยกย้ายพื้นที่ที่ยังไม่ถูกใช้งานไปให้กับส่วนที่ต้องการการใช้งานเยอะได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเฉพาะจุด ภาพที่ทางฝ่าย Infrastructure จะมอง Capacity ของระบบก็จะเป็นภาพใหญ่ๆ ภาพเดียว ลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการได้อีกด้วย

ความแตกต่างระหว่าง Traditional Storage กับ Software Defined Storage

​รูปที่ 2 เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Traditional Storage กับ Software Defined Storage

ภาพรวมความแตกต่างระหว่าง Traditional Storage กับ Software Defined Storage (SDS) สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. ในส่วนของ architecture แบบดั้งเดิม architecture ของแต่ละ application จะแยกจากกันชัดเจน ก้อนใครก้อนมัน แต่ว่าถ้าเป็น SDS ตัว Storage Tier จะเป็น pooled ที่ใช้งานร่วมกันโดยมีหน่วยบริหารจัดการเดียวกันในทุก Application

  2. ในระบบแบบดั้งเดิมเนื่องจากการที่ศูนย์ควบคุมของแต่ละ application มันแยกกันทำให้การดีไซน์ระบบจะต้องคำนึงถึงความเข้ากันได้ของ Hardware ค่อนข้างเยอะซึ่งอาจจะนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า Vendor Lock-in ได้ ขณะเดียวกัน ถ้ารวมศูนย์บริหารจัดการของทุก application มาไว้ที่เดียว อิสระในการเลือกและขยายจำนวน Hardware ก็จะมีมากขึ้นไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป

  3. เป็นเรื่องของการกระจาย Workload ถ้าเป็นแบบดั้งเดิม Workload และ Capacity จะไป Overload อยู่ในจุดที่ถูกใช้งานมากและบริหารจัดการ Load ได้ค่อนข้างยาก แต่ว่าถ้าเป็น SDS เราจะสามารถบริหารจัดการ Workload ให้กระจายไปทั่วทั้ง Cluster ได้ดังรูปที่ 1

และนี่ก็คือสรุปภาพรวมข้อดีและข้อเสียของ SDS ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของการดีไซน์ Cloud Storage Infrastructure ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีอีก 1 การทำนายที่น่าสนใจ เมื่อ​ Gartner ทำนายไว้ว่าภายในปี 2024 หรืออีกสองเกือบสามปีต่อจากนี้ 50% ของ Storage ทั้งหมดจะถูก Deploy แบบ SDS

อย่างไรก็ตาม เรามีความเชื่อมั่นว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โลกของเราจะถูกขับเคลื่อนด้วย data และสิ่งที่สำคัญทีสุดคือ Cloud Storage หรือ Storage ขนาดมหึมา เหตุผลที่เรามีความเชื่อเช่นนั้นเนื่องจากการที่เราจะประสบสำเร็จในการทำ AI ได้ นั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลมหาศาล และการจะมีข้อมูลมหาศาลได้นั้นจำเป็นต้องมีที่เก็บในต้นทุนต่ำ และ Software defined storage จะเป็น Cloud storage ที่สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างดีที่สุด

เริ่มต้นการย้ายข้อมูลสู่ระบบคลาวด์กับ NIPA Cloud วันนี้ เรายินดีให้คำปรึกษาแก่ทุกองค์กร
AUTHOR
Author
Chaow Charoensomsamai
Growth and Strategy Associate

I'm interested in learning new things, especially business and investment.